KLD Clinic Logo
บทความสุขภาพ / หยุดคิดว่า "ปวดหลังตามวัย" มาทำความเข้าใจต้นเหตุที่แท้จริงจาก "โรคกระดูกพรุน"
หยุดคิดว่า "ปวดหลังตามวัย" มาทำความเข้าใจต้นเหตุที่แท้จริงจาก "โรคกระดูกพรุน"
อาการปวดหลังเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้บ่อยในผู้สูงอายุ จนบางครั้งเราก็อาจมองข้ามไป แต่คุณรู้หรือไม่ว่าอาการปวดหลังที่ดูแสนจะธรรมดา อาจเป็นสัญญาณเตือนของ "โรคกระดูกพรุน" ซึ่งเป็นภัยเงียบที่กำลังคุกคามสุขภาพกระดูกของคุณอยู่

มาทำความเข้าใจ โรคกระดูกพรุนคืออะไร และมีความเชื่อมโยงกับการปวดหลังได้อย่างไร เพื่อให้คุณดูแลตัวเองได้ก่อนสายเกินแก้

 

 

โรคกระดูกพรุน คืออะไร?


 

ลองจินตนาการถึงกระดูกของเราซึ่งมีลักษณะคล้ายกับฟองน้ำที่แข็งแรง ในวัยหนุ่มสาวฟองน้ำนี้จะมีความหนาแน่นสูง ทำให้แข็งแรงและยืดหยุ่น แต่เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในวัย 50 ปีขึ้นไป ฟองน้ำนี้จะค่อยๆ มีรูพรุนมากขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นเหมือนฟองน้ำที่เปราะบางและแตกหักได้ง่ายขึ้น นี่คือภาวะที่เรียกว่า "โรคกระดูกพรุน" โรคนี้มักจะไม่มีอาการแสดงออกในช่วงแรก กว่าจะรู้ตัวว่ามีภาวะเสี่ยงก็ต่อเมื่อกระดูกหักไปแล้ว ทำให้หลายคนมองข้ามและไม่ทันได้ป้องกัน

 

 

 

 

โรคกระดูกพรุนทำให้ปวดหลังได้อย่างไร?

 

อาการปวดหลังจากโรคกระดูกพรุนไม่ได้เกิดจากตัวโรคโดยตรง แต่เกิดจาก "ภาวะแทรกซ้อน" ที่ตามมา ซึ่งหลักๆ คือ “กระดูกสันหลังยุบตัว” เมื่อกระดูกสันหลังของเราอ่อนแอลงจากภาวะกระดูกพรุน การทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันธรรมดาๆ เช่น การก้ม การยกของ การไอ หรือแม้แต่การบิดตัวเบาๆ ก็สามารถทำให้กระดูกสันหลังเกิดรอยร้าวเล็กๆ หรือยุบตัวลงได้

 

  • กระดูกสันหลังยุบตัว (Vertebral Compression Fracture) : นี่คือสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดอาการปวดหลังอย่างรุนแรงและเฉียบพลัน ผู้ป่วยจะรู้สึกปวดมากขึ้นเมื่อขยับตัว ยืน หรือนั่ง และอาการจะดีขึ้นเมื่อได้นอนพัก
  • หลังค่อมและส่วนสูงลดลง : เมื่อกระดูกสันหลังหลายๆ ข้อเกิดการยุบตัวลง จะทำให้กระดูกสันหลังส่วนบนโค้งงอไปข้างหน้า ทำให้เกิดภาวะ "หลังค่อม" และ "ส่วนสูงลดลง" อย่างเห็นได้ชัด ซึ่งการเปลี่ยนแปลงของรูปร่างนี้จะทำให้กล้ามเนื้อหลังต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อพยุงร่างกาย จึงนำไปสู่อาการปวดหลังเรื้อรังได้

 

สัญญาณเตือนที่ควรสังเกต

หากคุณหรือคนใกล้ชิดมีอาการเหล่านี้ อย่าเพิ่งคิดว่าเป็นเรื่องปกติของคนสูงอายุ ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยโดยทันที

 

  • ปวดหลังอย่างเฉียบพลัน : โดยเฉพาะหลังจากการยกของหนัก หรือแม้แต่การไอ หรือจามแรงๆ
  • ส่วนสูงลดลง : รู้สึกว่าตัวเองเตี้ยลงอย่างเห็นได้ชัด
  • หลังเริ่มค่อม : สังเกตได้ว่าลำตัวโค้งงอไปข้างหน้า
  • ปวดหลังเรื้อรัง : ปวดเมื่อยหลังตลอดเวลา แม้จะพักผ่อนแล้วก็ไม่ดีขึ้น

 

โรคกระดูกพรุนเป็นภัยเงียบที่ร้ายกาจ แต่สามารถป้องกันและรักษาได้ ด้วยการหมั่นสังเกตตัวเองและคนรอบข้างจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด หากพบอาการน่าสงสัย ควรรีบพบแพทย์เฉพาะทางด้านกระดูกสันหลัง เพื่อตรวจวัดความหนาแน่นของกระดูกและวางแผนการรักษาที่เหมาะสม เพื่อให้คุณได้ใช้ชีวิตในวัยเกษียณได้อย่างเกษม

 

การรักษาโรคกระดูกพรุน

การรักษาโรคนี้มีเป้าหมายหลัก คือ การชะลอการสูญเสียมวลกระดูก และลดความเสี่ยงของการเกิดกระดูกหัก

 

1. การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน

 

  • ทานอาหารที่มีแคลเซียมสูง : เพราะแคลเซียม คือ หัวใจสำคัญของกระดูก ควรทานอาหารที่มีแคลเซียมและวิตามิน D ให้เพียงพอ เช่น นม โยเกิร์ต ชีส ปลาเล็กปลาน้อย ผักใบเขียวเข้ม และธัญพืช
  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ : การออกกำลังกายที่ลงน้ำหนัก เช่น การเดินเร็ว การวิ่งเหยาะๆ หรือการรำไทชิ จะช่วยกระตุ้นให้กระดูกแข็งแรงขึ้น แต่ต้องระวังการออกกำลังกายที่เสี่ยงต่อการหกล้ม
  • หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง : งดการสูบบุหรี่และลดปริมาณแอลกอฮอล์ เพราะสิ่งเหล่านี้จะทำให้ร่างกายสูญเสียแคลเซียมได้เร็วขึ้น

 

2. การใช้ยาเพื่อรักษาโรคกระดูกพรุน

การใช้ยาเป็นส่วนสำคัญในการรักษาโรคกระดูกพรุน โดยแพทย์จะพิจารณาจากระดับความรุนแรงของโรคและปัจจัยอื่นๆ ของผู้ป่วย

 

  • ยาบำรุงกระดูก : ยาที่มีส่วนประกอบของแคลเซียมและวิตามิน D ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูก
  • ยาชะลอการสลายตัวของกระดูก (Bisphosphonates) : เป็นกลุ่มยาที่ใช้บ่อยที่สุดเพื่อลดการสูญเสียมวลกระดูก
  • ยาฮอร์โมน (Hormone Replacement Therapy) : สำหรับผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน การใช้ฮอร์โมนทดแทนอาจช่วยป้องกันภาวะกระดูกพรุนได้ และควรอยู่ภายใต้การดูแล และคำแนะนำของแพทย์เท่านั้น ไม่ควรซื้อยามารับประทานเองเด็ดขาด

 

3. การรักษาอาการปวดหลังที่เกิดจากกระดูกยุบ

หากเกิดอาการปวดหลังจากการยุบตัวของกระดูกสันหลัง แพทย์อาจแนะนำวิธีการรักษาเพิ่มเติมเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดและฟื้นฟูการใช้ชีวิต

 

  • การใช้ยาแก้ปวด : เพื่อบรรเทาอาการปวดให้สามารถทำกิจกรรมได้
  • การทำกายภาพบำบัด : เพื่อบริหารกล้ามเนื้อหลังให้แข็งแรง และช่วยให้ผู้ป่วยสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างปลอดภัย
  • การผ่าตัด (ในบางกรณี) : สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการปวดอย่างรุนแรงและไม่สามารถตอบสนองต่อการรักษาแบบอื่นๆ แพทย์อาจพิจารณา การฉีดซีเมนต์เข้ากระดูกสันหลัง หรือการผ่าตัดเพื่อช่วยพยุงและเสริมความมั่นคงของกระดูก

 

การรักษาโรคกระดูกพรุนต้องทำอย่างต่อเนื่องและมีวินัย หากคุณหรือคนใกล้ชิดมีภาวะกระดูกพรุน ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางด้านกระดูกสันหลัง เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสมสำหรับคุณและคนที่คุณรัก

ปรึกษาแพทย์เฉพาะทางด้านกระดูกสันหลังเพื่อประเมินอาการและวางแผนการรักษาที่เหมาะสม
ติดต่อสอบถามหรือทำนัดพบแพทย์ โทร 062 365 1788
KLD Clinic #ทางออกสำหรับทุกความเจ็บปวด
Copyright© 2025 KLD CLINIC | ALL RIGHTS RESERVED